วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2550

เวสสันดร : ผู้มองโลกด้วยการค้า

มหาชาติคำหลวง หรือ เรื่องมหาเวสสันดรชาดก เป็นเรื่องที่มีอิทธิพลต่อคนไทยมาอย่างช้านาน ในสมัยอดีคมีประเพณีที่ยิ่งใหญ่ที่เชื่อว่าการฟังการเทศน์มหาชาตินั้น จะทำให้ได้อานิสงส์มากมาย หากใครได้ฟังเทศน์มหาชาติ ครบทั้ง 13 กัณฑ์ จะได้อานิสงส์ไปเกิดยังสุขคติภูมิ
มหาชาติคำหลวง หรือ คาถาพัน หรือที่รู้จักกันดีคือ เรื่องมหาเวสสันดรชาดก มีรูปแบบการแต่งแบบนิสสัย คือ ยกบทบาลีมาแล้วใช้ร่ายอธิบาย บทบาลีที่นำเรื่องเรียกว่า จุณนียบท เรื่องนี้มีหลากหลายสำนวน มีมหากวีหลายท่านได้แต่ง ดังนั้นจึงถือได้ว่าเป็นผลงานชิ้นสำคัญทางวรรณคดีไทยด้วย
คำว่า "เวสสันดร" มาจากภาษาสันสกฤต ว่า เวสสันตร เวส แปลว่า พ่อค้า สันตร แปลว่า ตรอก ซอย หรือ วิถีทาง หากจะตีความหมายตามเรืองนั้น ก็คือ ผู้ที่เกิดในตรอกแห่งพ่อค้า ซึ่งตรงตามเนื้อเรื่องคือ เมื่อพระนางผุสดีเดินทางมายังตรอกแห่งหนึ่งทรงปวดพระครรภ์และได้ให้การประสูติแก่พระโอรสน้อย นามว่า เวสสันดร
แต่หากเรามองอีกความหมายหนึ่งที่แฝงอยู่ในชื่อนี้นั้น คือ เวสสันดร ที่หมายถึง หนทางพ่อค้า ล่ะแม้ว่าความหมายนี้ไม่อาจจะดูไม่ดี แต่เป็นสิ่งที่น่าคิดอยู่ไม่น้อยเลยว่า ทำไมพระเวสสันดรถึงชอบบริจาคทานนัก พระโพธิญาณนั้นได้มาจากการบริจาคนั้นหรือ อย่าลืมว่า การจะได้สิ่งใดมาก็ย่อมมีการแลกเปลี่ยน ซึ่งก็หมายถึงการค้านั้นเอง พระเวสสันดร บริจาคแม้กระทั่งลูกเมียเพื่อพระโพธิญาณนั้น เหมือนการเล่นขายของ คือ พยายามขายสินค้าเพื่อจะได้ผลกำไร สินค้าคืออะไร คำตอบคือ สิ่งที่พระเวสสันดรเรียกว่าการบริจาคทาน ผลกำไรคืออะไร คำตอบคือ พระโพธิญาณนั่นไง
ประเด็นถัดมาคือ ทำไมพระเวสสันดรถึงตั้งค่าตัวของพระกัณหามากกว่าพระชาลี นี่ก็เป็นกลยุทธ์ในการขายอย่างหนึ่ง การตั้งค่าตัวพระกัณหามากๆๆเพราะพระกัณหาเป็นหญิงหรือ คำตอบคือไม่ การตั้งค่าตัวมากๆนั้นเพราะความรักในพระราชธิดามาก หากจะมาทนทุกข์ในป่าก็ใช่เรื่อง ดังนั้นถ้าใครที่จะมาไถ่ตัวสองกุมารนี้ได้ต้องเป็นผู้มีเงิน ถ้าจะมาไถ่ไปเป็นทาสนั้นคงไม่มีใครทำเหมือนกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เพราะค่าตัวทั้งสองพระองค์นั้นก็มากอยู่พอควร คนที่จะมาไถ่ตัวได้นั้นเห็นจะมีอยู่สองกรณีคือ เศรษฐีผู้มีเงินมาก และ พระกษัตริย์ซึ่งพระเวสสันดรก็หวังจะให้ชูชกพาไปยังสัญชัย ชูชกจึงเหมือนไปรษณีย์เคลื่อนที่ที่จะนำสินค้าไปส่งยังปลายทาง (การกระทำแบบนี้ของพระเวสสันดร เหมือนกับการขายของแบบเก็บพกง. พัสดุเก็บเงอนปลายทาง)
ส่วนพระนางมัทรีที่รักพระสวามีเหลือกำลัง เหนือสิ่งใดๆในโลก (ดูจากตอนมัทรี ที่บอกว่า รักผัวเหมือนพ่อ) แต่พอกลับมาจากการหาผลไม้ในป่า(ตอนนี้พระเวสสันดรบริจาคสองกุมารให้กับชูชกไปแล้ว) ก็ถูกพระเวสสันดรกล่าวหาว่านอกใจ ไปหลงระเริงกับพวกคนธรรพ์ วิทยาธร หรือพวกสิทธิฤาษี แม้กระทั่งเทพารักษ์ก็ยังไปมั่ว นี่หรือการตอบแทนความรักของพระโพธิสัตว์ การตอบแทนของคนที่ถูกรักเหมือนพ่อ แต่กลับตอบแทนพระนางมัทรี ด้วยการกล่าวหาว่านอกใจ นี่อาจจะเป็นการค้าอย่างหนึ่งก็ได้ เพราะอีกไม่กี่วันพระอินทร์แปลงร่างมาเป็นมาณพน้อยของนางมัทรีพระเวสสันดร ก็ยกให้ เหมือนกับว่าขายสินค้าล้างสต๊อกยังไงยังงัน้
การค้าของพระเวสสันดรก็จบลงด้วยดี เหมือนขายดีแบบเทน้ำเทท่า เพราะพอขายสินค้าหมด กำไรก็ได้ 2 เด้ง คือเด้งแรก สองกุมารได้รับการไถ่ตัว จากพระเจ้ากรุงสัญชัย และตอนท้ายยังได้ทูลเชิญทั้งสองพระองค์(พระเจ้ากรุงสัญชัยและพระนางผุสดี)ไปรับพระเวสสันดรกลับเมือง เด้งที่สอง พระเวสสันดรได้ทานบารมี และเป็นพระโพธิสัตว์ กลับชาติมาเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แม้ว่าการขายของครั้งนี้ของพระเวสสันดรจะขายดีและจบลงความสุข เพราะได้ผลกำไรงาม แต่ความชอกช้ำจากการขายของครั้งนี้ ที่ฝั่งอยู่ในใจของพระกัณหา ที่ถึงกับตัดพ่อตัดลูกกับพระเวสสันดร และ พระนางมัทรีที่เคยจงรักภักดีขนาดรักผัวเหมือนพ่อนั้นกลับถูกโยนทิ้งความรู้สึกของความรักไปโดยสิ้นเชิง การขายของครั้งนี้อาจจะเรียกว่า กำไรงามแต่ชอกช้ำใจก็ว่าได้

1 ความคิดเห็น:

committee_wattanothaipayap กล่าวว่า...

การค้าที่ได้กำไรงาม แต่ฝากความช้ำไว้กับทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง
ลองวิเคราะห์ดูจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ มันก็ออกมาเป็นเรื่องที่เราคิดไม่ถึง หรือบางที่เรามองข้ามไป
แบบว่า No comment แล้วกัน อิอิ
ชอบกลอนด้านล่างง่า
พี่น้องยังไงก็มีกันและกันเสมอ 55 W.P. จงเจริญฯ

[B][en][g][i][li][ty]--Memorize

[B][en][g][i][li][ty]--Memorize
ทุกคำบรรยายเพียงจับจ้องและสัมผัสด้วยใจ